แกร์ฮาร์ท โยฮัน โรแบร์ท เฮาพ์ทมันน์ (อังกฤษ: Gerhart Johann Robert Hauptmann) เกิดเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 1862 ณ เมืองโอเบอร์ซาลสบรุนน์ (Obersalzbrunn) ทางตอนใต้ของแคว้นชเลเซียน (ภาษาอังกฤษเรียกว่า แคว้นซิเลเซีย ปัจจุบันอยู่ในประเทศโปแลนด์) เขาเป็นบุตรคนสุดท้องของเจ้าของโรงแรมที่ทันสมัยชื่อ Zur Preussischen Krone เขาเติบโตมาในครอบครัวชนชั้นกลางที่ได้รับการศึกษา เขาเป็นเด็กที่ช่างคิดช่างฝัน ไม่ชอบคิดอะไรตามกฎเกณฑ์ และชอบวาดรูป
เขาได้เข้าเรียนโรงเรียนประถมในหมู่บ้าน และมีครูพิเศษมาสอนภาษาละตินและไวโอลินที่บ้าน ต่อมาเขาก็เข้าเรียนมัธยมในปี 1874 ในโรงเรียนประจำในเบรสเลา แต่ก็เรียนไม่จบ ต้องลาออกมาก่อนเนื่องจากเรียนอ่อนมาก ในปี 1878 เขาถูกส่งไปเรียนเกษตรกรรมที่ฟาร์มของลุง แต่ก็ต้องกลับมาบ้านเนื่องจากป่วยเป็นโรคปอด ต่อมาเขาก็มีความสนใจทางด้านวัฒนธรรมและอยากเป็นประติมากร จึงไปเข้าเรียนในโรงเรียนศิลปะที่เบรสเลา และเมื่ออายุ 20 ปี เขาก็ย้ายไปเรียนประวัติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเยนา ต่อมาในปี 1883-1884 เขาก็ได้ย้ายไปศึกษาศิลปะและเป็นประติมากรในโรม แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เขาจึงกลับมาที่เบอร์ลินและเรียนศิลปะการละครแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จอีก ในปี 1885 เขาแต่งงานกับมารี ทีเนมันน์ (Marie Thienemann) และอาศัยอยู่ในเบอร์ลิน จากนั้นเฮาพ์ทมันน์ได้เปลี่ยนความคิดมาสนใจทางด้านวรรณกรรม
อันที่จริงเฮาพ์ทมันน์ได้มีความสนใจงานด้านการเขียนมาตั้งแต่ตอนที่อยู่ที่โรม เขาได้เริ่มเขียนบทกลอนแบบจินตนิยมซึ่งนำมาจากเรื่อง Prometheus แต่เมื่อเขาเริ่มงานเขียนอย่างจริงจังเขาก็ปฏิเสธความคิดแบบเพ้อฝันและหันมาสู่ความเป็นจริง เขาได้รับอิทธิพลจากเฮนริค อิบเซน นักเขียนแนวสัจจนิยมชาวนอร์เวย์ ผลงานชิ้นแรกๆ ของเขาเป็นแนวธรรมชาตินิยม ได้แก่ Bahnw?rter Thiel (1888) ซึ่งเป็นเรื่องแนวจิตวิทยา-ธรรมชาตินิยม ส่วนบทละครเรื่องแรกของของเขา คือ Vor Sonnenaufgang (1889) ซึ่งได้เปิดแสดงครั้งแรกที่เบอร์ลิน ได้สร้างความตกตะลึงแก่ผู้ชมเป็นอย่างมาก เพราะเขาได้นำภาพความเป็นจริงมาตีแผ่อย่างละเอียด ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนในเยอรมัน ทำให้ชื่อของเขาเป็นที่รู้จักขึ้นมา ต่อมาเขาก็โด่งดังไปทั่งโลกจากบทละครเรื่อง Die Weber (1892) ซึ่งเป็นเรื่องจริงของคนงานทอผ้าในแคว้นชเลเซียน บทละครเรื่องนี้เขาได้เขียนสภาพความเป็นจริงของความลำบากของคนงานทอผ้า โดยนำมาจากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์และยังได้ใช้ภาษาท้องถิ่นในงานเขียนชิ้นนี้ด้วย บทละครเรื่องนี้ตอนแรกถูกห้ามแสดงเพราะชนชั้นปกครองเห็นว่าเป็นการปลุกระดม แต่ศาลก็ตัดสินให้แสดงได้ ต่อมาแนวการเขียนของเขาเริ่มมีแนวจินตนิยมสมัยหลังเอกซ์เพรสชั่นนิสต์และคลาสสิกสมัยใหม่เพิ่มเข้ามา เช่น Die versunkene Glocke (1897), Der arme Heinrich (1902) ฯลฯ แต่เขาก็ยังเขียนบทละครแนวธรรมชาตินิยมที่แสดงให้เห็นชีวิตของคนชนชั้นล่างแบบที่เขาถนัด เช่น Fuhrmann Henschell (1899), Rose Bernd (1903) เป็นต้น
ในปี 1904 เขาหย่าขาดจากมารีและแต่งงานใหม่กับมากาเรทเท มาร์ชัลค์ (Mergerete Marschalk) เด็กสาวที่เขาหลงรัก เฮาพ์ทมันน์ได้รับรางวัลโนเบลเมื่อปี 1912 ในทศวรรษที่ 20 เขาก็ได้เปลี่ยนแนวการเขียนของเขามาเป็นประเภทเทพนิยายและเรื่องเล่า เช่น Till Eulenspiegel (1928) นวนิยายเรื่องสุดท้ายของเขา คือ Das Abenteuer meiner Jugend(1937) ซึ่งเขาเขียนขึ้นจากชีวิตของเขาเองในวัยเด็กและวัยรุ่น ในบั้นปลายของชีวิตเขาอาศัยอยู่บนเนินเขาในเมืองอักเนเทนดอร์ฟ (Agnetendorf) ในชเลเซียนและเขาเสียชีวิตลงที่นั่นเมือ่วันที่ 6 มิถุนายน ค.ศ. 1946